
สมัยนี้ถ้าใครไม่มี ‘แอพ’ คงต้องเรียกว่า ตกเทรนด์ 
แต่ ‘แอพ’ ในที่นี้ ไม่ใช่แอ๊บแบ๊ว หรือแอ๊บสวย หากเป็น ‘แอพพลิเคชั่น’ 
ที่ช่วยให้คนยุคนี้สามารถทำสิ่งต่างๆ 
ได้โดยไม่จำเป็นต้องติดตั้งซอฟต์แวร์ที่สลับซับซ้อน ทั้งสร้างเอกสาร แก้ไขรูปภาพ 
ฟังเพลง เช็กอีเมล์ เป็นต้น
เทคโนโลยีถ้าพัฒนาอย่างสร้างสรรค์ก็จะสร้างประโยชน์ได้มหาศาล 
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) 
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) 
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เล็งเห็นถึง ‘ประโยชน์’ ในเรื่องนี้ 
จึงร่วมกันลงนามทางวิชาการและส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อการสร้างเสริมสุขภาวะ 
‘ยกระดับ’ คุณภาพชีวิตของคนในสังคม ควบคู่ไปกับการใช้เทคโนโลยีเพื่อพัฒนาประเทศ
ดร.ทวีศักดิ์ กออนันตกูล ผอ.สวทช. บอกว่า 
สวทช.ดำเนินการเรื่องนี้มานานแล้ว แต่ขาดเครือข่ายในการนำไปใช้งาน 
วันนี้ถือเป็นโอกาสดีที่จะนำงานวิจัยไปสู่คนในสังคมโดยใช้เทคโนโลยี 
เพราะปัจจุบันทุกพื้นที่มีอินเตอร์เน็ตใช้กันหมด 
จะได้สร้างเสริมสิ่งดีและป้องกันสิ่งไม่ดีให้เรา 
เทคโนโลยีสามารถนำมาใช้ในการพัฒนาสังคมให้เกิดประโยชน์ต่อคุณภาพชีวิต 
ลดความเหลื่อมล้ำ และเป็นเครื่องมือในการสร้างสุขภาวะที่ดีให้กับสังคมไทย
“สวทช.กับสสส.จะร่วมพัฒนางานใน 3 ด้าน คือ 
1.การพัฒนาเยาวชนและบุคลากรด้านเทคโนโลยีในการสร้างเสริมสุขภาวะ เช่น 
โครงการประกวดการพัฒนาโปรแกรมและเทคโนโลยีสารสนเทศของเยาวชน 
2.การพัฒนาเทคโนโลยีและระบบฐานข้อมูลเพื่อการสร้างเสริมสุขภาวะ เช่น 
การพัฒนาโปรแกรมบนมือถือให้บริการข้อมูลโภชนาการ การออกกำลังกาย 
และการใช้ยาที่ถูกต้อง 3.การถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านการสร้างเสริมสุขภาวะอย่างยั่งยืน 
เช่น ระบบแจ้งเหตุฉุกเฉินสำหรับพิการและผู้สูงอายุ 
โดยการพัฒนาชุดอุปกรณ์ควบคุมการเปิดปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน 
ใช้งานได้ทั้งจากสวิตช์ปกติ และควบคุมผ่านรีโมตคอนโทรล ในรัศมี 20-30 เมตร 
จากเครื่องติดตั้ง และพัฒนาระบบแจ้งเหตุฉุกเฉินสำหรับ ผู้สูงอายุ ผู้พิการ 
โดยติดตั้งอุปกรณ์เพื่อส่งสัญ ญาณเตือนภัย ในรูปแบบไซเรน กรณีขอความช่วยเหลือ 
เพื่อแจ้งให้คนในครอบครัวหรือเพื่อนบ้านใกล้เคียงรับทราบ เป็นต้น”
ด้าน ท.พ.กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ ผู้จัดการ สสส. 
กล่าวว่า การใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างเสริมสุขภาพปัจจุบันแพร่หลายในหลายประเทศ 
ยืนยันจากการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตของประชาชน 25 ล้านคนหรือเกือบ 40 เปอร์เซ็นต์ 
จำนวนนี้มีการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพมากถึงกว่า 1.2 แสนครั้งต่อเดือน 
เฉลี่ยแล้ววันละ 40,600 ครั้ง ล่าสุดในเดือนมี.ค. ที่ผ่านมา พบว่า 
ประเทศไทยมีผู้ใช้เฟซบุ๊กมากเป็นอันดับที่ 16 ของโลก หรือมีผู้ใช้กว่า 14 ล้านคน 
และมีผู้ใช้ทวิตเตอร์อีกกว่า 1 ล้านคน 
สะท้อนว่าประชาชนค้นหาความรู้เกี่ยวกับสุขภาพมากขึ้น
ท.พ.กฤษดากล่าวต่อว่า 
จากข้อมูลสำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พบว่า 
ประเทศไทยใช้งบประมาณด้านสร้างเสริมสุขภาพ เฉลี่ยปีละ 20,000 ล้านบาท 
ขณะที่รายจ่ายด้านสุขภาพสูงมากกว่าปีละ 400,000 ล้านบาท 
หากมีนวัตกรรมที่ช่วยเรื่องการสร้างเสริมสุขภาพของประชากรได้ ก็จะช่วยลดปัญหาสุขภาพ 
และยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น
“ขณะนี้สวทช.มีหลายโครงการที่เริ่มทำไปแล้ว 
อย่างแอพพลิเคชั่นข้อมูลทางโภชนาการ ผู้สนใจเข้าไปดาวน์โหลด ซึ่งจะนำมา 
ทดลองใช้งานจริงกับเครือข่ายต่างๆ 
ของสสส.ที่มีแกนนำเครือข่ายสร้างเสริมสุขภาพที่มีมากกว่า 30,000 คน ที่จะนำนวัตกรรม 
หรืองานวิจัยที่สวทช.คิดค้นมาใช้งานจริง เพื่อนำไปสู่การใช้งานอย่างแพร่หลายในอนาคต 
เช่น การพัฒนาระบบข้อมูลสุขภาพบุคคล 
และโครงการพัฒนาระบบแจ้งเหตุฉุกเฉินสำหรับผู้พิการและผู้สูงอายุ 
ซึ่งการใช้เทคโนโลยีจะสามารถช่วยให้คุณภาพของประชาชนดีขึ้น 
โดยเฉพาะพื้นที่ห่างไกลขาดแคลนแพทย์ พยาบาล” ผู้จัดการสสส.กล่าว
สำหรับเทคโนโลยีระบบข้อมูลเพื่อสร้างเสริมสุขภาวะที่คิดค้นขึ้น 
มีการพัฒนานำโปรแกรมไปใช้บนโทรศัพท์มือถือสมาร์ตโฟน ที่มีระบบปฏิบัติการ Android 
2.3 ขึ้นไป และ iOS 4.3 ดังเช่น แอพพลิเคชั่น ‘ยากับคุณ’ Ya&You 
ที่สำหรับค้นหาข้อมูลความรู้ด้านยาและสุขภาพเพื่อส่งเสริมการใช้ยาและการดูแลสุขภาพอย่างถูกต้อง 
ซึ่งร่วมกันพัฒนาขึ้นโดยมูลนิธิเพื่อการวิจัยและพัฒนาระบบยา 
และศูนย์เทคโนโลยีอิเล็ก ทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ หรือ เนคเทค
ด้วยแอพพลิเคชั่นนี้ 
คนทั่วไปสามารถเข้าถึงข้อมูลยาและสุขภาพได้สะดวก รวดเร็ว 
และเห็นผลการค้นเป็นภาษาไทยที่เข้าใจง่าย 
และบุคลากรทางแพทย์ยังสามารถเข้าใช้ข้อมูลนี้ 
เพื่อช่วยในการสื่อสารกับผู้ป่วยได้ด้วย สามารถดาวน์โหลดแอพได้ที่ 
http://itunes.apple.com/us/app/yaandyou/id459400481?ls=1&mt=8
นอกจากนี้ ยังมีแอพพลิเคชั่นที่ให้บริการเรื่อง 
‘โภชนาการ’ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องใกล้ตัว ด้วยโปร แกรม ‘บันทึกพฤติกรรมการกินอาหาร’ 
หรือ FoodiEat เป็นโปรแกรมสำหรับเก็บประวัติการกินอาหารในแต่ละมื้อของวัน
ผู้ใช้สามารถกรอกปริมาณแคลอรีของอาหารที่กิน 
หรือเลือกค่าประมาณแคลอรีของอาหารยอดนิยมและเครื่องดื่มกว่า 200 รายการ 
ซึ่งฐานข้อมูลนี้ได้รับการสนับสนุนจากสถาบันโภชนาการ มหา วิทยาลัยมหิดล 
ทำให้ผู้ใช้สามารถรู้ว่าในแต่ละ 
วันกินอาหารอะไรไปบ้างและคิดเป็นพลังงานกี่แคลอรี
แต่หากอยากรู้ว่าร่างกายใช้พลังงานในแต่ละวันไปเท่าไหร่ 
หรือต้องการจะลดความอ้วน 
แอพพลิเคชั่นนี้ยังมีระบบยังคำนวณค่าดรรชนีมวลกายและอัตราความต้องการเผาผลาญพลังงานในแต่ละวันของผู้ใช้ 
ซึ่งเมื่อนำมาใช้ร่วมกับประวัติ การกินอาหารของโปรแกรมนี้ 
จะรู้ว่าอาหารที่กินเหมาะสมกับความต้องการของร่างกายหรือไม่ 
แอพพลิเคชั่นนี้สามารถดาวน์ โหลดได้ที่ 
http://itunes.apple.com/us/app/foodieat/id457777854 ?ls=1&mt=8
เทคโนโลยีด้านการสร้างเสริมสุขภาวะอย่างยั่งยืน 
ระบบแจ้งเหตุฉุกเฉินสำหรับพิการและผู้สูงอายุ คือเครื่องช่วยฟังดิจิตอลแบบพกพา รุ่น 
PO2 ที่เนคเทคกับบริษัท ไอเมด ลาบอราทอรี่ จำกัด ร่วมกันคิดค้นขึ้น 
ซึ่งเครื่องช่วยฟังนี้สามารถเชื่อมต่อกับมือถือผ่านทางบลูทูธสำหรับผู้มีปัญหาการได้ยิน 
เช่น ผู้สูงอายุ และผู้พิการซึ่งจะช่วยยกระดับการได้ยินของผู้สูงอายุ 
ให้ได้ยินชัดเจนมากขึ้น
ในอนาคตอาจมีการพัฒนาระบบสร้างเสริม 
สุขภาวะให้ยั่งยืนต่อไป
ณัฐพงษ์ บุณยพรหม :ภาพจากสสส.
 RSS Feed
 Twitter
9:23 PM
Unknown
0 ความคิดเห็น:
Post a Comment