www.facebook.com/kuunepage

..... คูเน่ คู่ครัว คู่มื้อสุขภาพ คู่คุณ

คูเน่ นวัตกรรมเครื่องปรุงครบรส จากธรรมชาติเพื่อสุขภาพ

.

Search This Blog

Translate

คุ้มค่าด้วยคุณค่า เติมสุขเสริมสุขภาพ ใช้ปรุงอาหาร หรือชงดื่มเพื่อสุขภาพ หอมชงปานะ

นวัตกรรมเครื่องปรุงครบรสเพื่อสุขภาพ ผลงานวิจัยดีเด่น ม.เกษตรฯ ผลิตจากหอมหัวใหญ่ เข้มข้น 3 เท่า ช่วยป้องกันความเสี่ยงต่อโรคอ้วน ความดัน เบาหวาน หัวใจ สารก่อมะเร็ง ช่วยชะลอความชรา
อีกทั้งช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานเป็นปกติ (อนุภาคหอมหัวใหญ่จะเกาะตัวกันตามธรรมชาติ โดยปราศจากสารเคมีป้องกันการเกาะตัว)

Monday, April 29, 2013

ผู้เชี่ยวชาญพบว่าสารเคมีในเนื้อแดงเกี่ยวข้องกับโรคหัวใจและโรคเส้นเลือดอุดตัน



นักวิทยาศาสตร์อเมริกันเปิดเผยว่าได้ค้นพบสารเคมีในเนื้อแดงที่น่าจะเป็นปัจจัยหนึ่งนอกจากไขมันอิ่มตัวและคอเลสเตอรอลที่ไปอุดตันเส้นเลือดและก่อให้เกิดโรคหัวใจ

บรรดาแพทย์มักแนะนำให้ผู้ป่วยโรคหัวใจควบคุมปริมาณเนื้อเเดงที่รับประทานให้น้อยลง รวมทั้งเนื้อสเต็กและเนื้อแกะ เนื่องจากไขมันและคอเลสเตอรอลในเนื้อแดงเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดโรคเกี่ยวกับหลอดเลือด
 
แต่ทีมผู้เชี่ยวชาญเปิดเผยว่าอาหารประเภทเนื้อแดงไม่ใช่ปัจจัยที่ก่อให้เกิดโรคหัวใจเพียงอย่างเดียว ทีมนักวิจัยที่ Cleveland Clinic ในรัฐ Ohio ค้นพบสารเคมีชนิดหนึ่งที่เรียกว่า สารคาร์นิทีน (carnitine) เมื่อสารเคมีตัวนี้ถูกย่อยโดยเชื้อเเบคทีเรียในลำใส้ จะผลิตสารอีกชนิดหนึ่งออกมาเรียกว่า สาร TMOA เป็นสารที่พบในปริมาณสูงในกลุ่มคนที่นิยมรับประทานเนื้อแดงและเชื่อว่าเป็นสารเคมีที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ
 
คุณสจ็วต ไซเดซ เป็นผู้อำนวยการสถาบันหัวใจ MedStar Heart Institute ในกรุงวอชิงตัน เขากล่าวกับผู้สื่อข่าววีโอเอว่าข้อมูลที่ว่ามีผลเสียจากเนื้อแดงนอกเหนือไป จากไขมันอิ่มตัวเป็นข้อมูลที่รู้กันมาพักใหญ่แล้ว แต่ผลการศึกษานี้เป็นข้อมูลเชิงวิทยาศาสตร์ชิ้นแรกที่สามารถอธิบายข้อสงสัยนี้ให้ชัดเจนขึ้น
 
ทีมนักวิจัยที่ Cleveland Clinic ได้ทำการศึกษาสุขภาพของคนจำนวนมากกว่า 2,500 คนโดยวัดระดับสารคาร์นิทีนและสาร TMOA ในกระเเสเลือดหลังจากรับประทานเนื้อสเต็ก
 
ในการทดลอง ทีมนักวิจัยยังให้ผู้ที่รับประทานอาหารมังสวิรัติและคนที่ไม่รับประทานผลิตภัณฑ์จากสัตว์ทุกประเภท รวมทั้งไข่และเนยแข็ง รับประทานสเต็กด้วย  แล้วนำผลตรวจเลือดหาระดับสารเคมีในคนกลุ่มนี้ไปเปรียบเทียบกับผลตรวจของคนที่รับประทานเนื้อแดงเป็นประจำ
 
นักวิจัยพบว่ากลุ่มคนที่รับประทานเนื้อแดงเป็นประจำมีระดับสาร TMOA ในระดับสูงที่สุด ส่วนคนที่ปกติไม่รับประทานเนื้อแดง ไข่และเนยแข็งเลย มีระดับสารตัวนี้ในเลือดต่ำมากจนถึงไม่มีเลย นักวิจัยเชื่อว่านี่เป็นเพราะว่าคนกลุ่มหลังนี้ไม่มีเเบคทีเรียในลำใส้ที่ทำหน้าที่ย่อยสารคาร์นิทีนในเนื้อแดงให้กลายเป็นสาร TMOA
 
นอกเหนือไปจากนี้ ทีมนักวิจัยยังได้ศึกษาสารเคมีตัวนี้ในหนูทดลองด้วย โดยพบว่าหนูทดลองที่กินอาหารที่มีสาร TMOA ผสมอยู่ในปริมาณสูงเริ่มมีอาการเส้นเลือดอุดตัน และเมื่อทีมนักวิจัยทดลองกำจัดแบคทีเรียในลำใส้ของหนูที่ทำหน้าที่ย่อยสารคาร์นิทีนให้เป็นสาร TMOA หนูทดลองเริ่มหายจากอาการเส้นเลือดอุดตัน
 
คุณสต็วจ ไซเดซ ผู้อำนวยการสถาบันหัวใจเมดสตาร์กล่าวกับผู้สื่อข่าววีโอเอว่านี่หมายความว่าในวันหนึ่งข้างหน้าเราอาจจะสามารถควบคุมโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดและหัวใจได้ด้วยการใช้ยาปฏิชีวนะกำจัดเชื้อแบคทีเรียในลำใส้ แม้จะยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นแบคทีเรียตัวใหน เมื่อไม่มีแบคทีเรียในลำใส้ ร่างกายก็ไม่สามารถย่อยสารคาร์นิทีนให้กลายเป็นสาร TMOA ที่เชื่อว่าเป็นสาเหตุให้เกิดโรคหัวใจ
 
เขากล่าวว่าข้อมูลที่ได้จากการศึกษานี้เป็นจุดเริ่มต้นที่น่าสนใจและจะนำไปสู่การค้นหาคำตอบแก่คำถามต่างๆมากมายเกี่ยวกับโรคหัวใจ
 
สารคาร์นิทีนพบในปริมาณต่ำในเนื้อปลาและเนื้อไก่ และยังพบในผักบางชนิดและข้าวสาลี ตลอดจนในคนที่รับประทานเม็ดอาหารเสริม คุณไซเดซ กล่าวว่ายังเร็วเกินไปที่จะเเนะนำให้คนหลีกเลี่ยงอาหารอื่นๆที่มีสารคาร์นิทีนนอกเหนือไปจากเนื้อแดง

ที่มา : http://www.voathai.com/content/meat-chemical-heart-disease-tk/1650604.html
  

Tuesday, April 23, 2013

แฉ!!! ภัยซุปก้อนทำไตพัง



แฉ!!! ภัยซุปก้อนทำไตพัง



สธ.ขแถลงข่าวในรอบ 10 ปีคนไทยมีแนวโน้มป่วยโรคไตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สาเหตุใหญ่ที่สุดร้อยละ 60 เกิดจากเบาหวานและความดันโลหิตสูง โรคนี้มีคนป่วยรวมเกือบ 15 ล้านคน ที่เหลือเกิดจากโรคนิ่วในไต ติดเชื้อที่ไต และเกิดจากการกินยาแก้ปวดติดต่อกันนานๆ และพบในผู้ป่วยโรคเอสแอลอี

ข้อมูลล่าสุดพบคนไทยป่วยเป็นโรคไตร้อยละ 17.5 ของประชากร หรือประมาณ ล้านคน ป่วยเพิ่มปีละกว่า 7,800 ราย มีผู้ป่วยที่ไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย ประมาณ 40,000 ราย ต้องผ่าตัดเปลี่ยนไตใหม่หรือที่วงการแพทย์เรียกว่าปลูกถ่ายไต ขั้นตอนการรักษายุ่งยากและค่าใช้จ่ายสูง ปีละประมาณ แสนบาทต่อคน และยังมีข้อจำกัดหลักคือขาดแคลนผู้บริจาคไต จึงต้องรักษาเพื่อยืดอายุโดยวิธีฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม หรือล้างของเสียออกทางหน้าท้อง ปี 2555 มีผู้ป่วยได้รับการผ่าตัดปลูกถ่ายไตเพียง 400 รายเท่านั้น

ผงแป้งปรุงรสหรือซุปก้อน มีปริมาณโซเดียมในผงปรุงรส สูงกว่าผงชูรสถึง 2-3 เท่าตัว เทียบในปริมาณ ช้อนชา ผงชูรสมีโซเดียม 492 มิลลิกรัม ผงแป้งปรุงรสมี 815 มิลลิกรัม และซุปก้อนขนาด 10 กรัมมีโซเดียม 1,760 มิลลิกรัม ส่วนน้ำปลามี 400-500 มิลลิกรัม

จึงขอให้ผู้ปรุงอาหารลดปริมาณเกลือ ผงชูรส เครื่องปรุงรสต่างๆ ลง และลดการบริโภคเบเกอรี่ ขนมปัง ขนมเค้ก ซึ่งจะมีผงฟูเป็นส่วนผสม รวมทั้งอาหารแปรรูป อาหารกระป๋อง อาหารหมักดอง และขนมกรุบกรอบ อาหารกึ่งสำเร็จรูป ซึ่งมีสารกันบูด และผงปรุงรสผสมอยู่ จึงมีสารโซเดียมในปริมาณสูงเช่นกัน

ขอบคุณ : ข่าวสด

แนะนำ งานวิจัย ม.เกษตรฯ คิดค้น ได้รางวัลชนะเลิศ นวัตกรรมผงปรุงครบรสหอมหัวใหญ่ จากธรรมชาติเพื่อสุขภาพ ปลอดสารเคมี โซเดียมต่ำกว่า 710 mg % (ท้องตลาดอยู่ที่ 1,500 - 2,450 mg% ต่อหนึ่งหน่วยบริโภค มาดูแลสุขภาพคุณ คนที่คุณรักและห่วงใย กับ Kuu Ne คูเน่ ... โภชนาการคุณค่า เพื่อชีวิตที่ยืนยาว หาซื้อได้ที่ Central Food Hall, Tops Market, Tops Super, Lemon Farm, Golden Place และร้านค้าสุขภาพทั่วไป
(อนุภาคหอมหัวใหญ่เกาะตัวกันตามธรรมชาติโดยปราศจากสารเคมี ผลิตจากธรรมชาติ 100%)

Tuesday, April 16, 2013

Bangkok Halal 2013 มหกรรม ฮาลาล กรุงเทพฯ

    Kuu Ne คูเน่ นวัตกรรมผงปรุงครบรสหอมหัวใหญ่ จากธรรมชาติเพื่อสุขภาพ ปลอดสารเคมี
กับหลากหลายเมนูสร้างสรรค์ อาหารฮาลาล มัสหมั่นไก่ ซุปหางวัว ข้าวหมกไก่ มะตะบะ ...  ประชาสัมพันธ์งานมหกรรมฮาลาลกรุงเทพฯ 26 - 28 เม.ย. 56  ณ ลานพลาซ่า สนามกีฬาหัวหมาก



Thursday, April 4, 2013

หลากหลายเมนูอร่อยอริยะ ชมรมอาหารมังสวิรัติแห่งประเทศไทย




       บริษัท ปกธนพัฒน์ จำกัด เครื่องหมายการค้า คูเน่  ขอกราบขอบพระคุณ ศาสตาจารย์เกียรติคุณ ดร.พิชัย โตวิวิชญ์ ประธานชมรมอาหารมังสวิรัติแห่งประเทศไทย นายกสมาคมมังสวิรัติไทย ให้การสนับสนุนและเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ Kuu Ne คูเน่ นวัตกรรมผงปรุงครบรสหอมหัวใหญ่ ทั้งชนิดดั้งเดิม (ซองแดง) ชนิดโซเดียมต่ำ (ซองขาว) และชนิดกิโลกรัม (ซองฟอล์ย) สำหรับใช้ในครัวของโรงอาหาร อีกทั้ง Red Yeast Rice อาหารเสริมจากข้าวแดง จากธรรมชาติ ช่วย ลดคลอเลสเตอรอล ลดไขมัน ลดการเสื่อมของไขข้อ และบำรุงสมอง ด้วยสาร GABA ที่ได้จากข้าวแดง ทุกผลิตภัณฑ์ของเราเป็นผลงานวิจัยดีเด่นของ ม.เกษตรศาสตร์ ผ่านการตรวจวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์จากสถาบันอาหาร โดยท่านไปบุคคลแรกที่เจาะจงซื้อทุกผลิตภัณฑ์ที่มีอยู๋ของ บริษัท ปกธนพัฒน์ จำกัด ไปบริโภคและให้ใช้ในโรงครัวของชมรมอาหารมังสวิรัติแห่งประเทศไทย ทางเรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง  ท่านคือหนึ่งในผู้อาวุโส ที่ฉลาดคิด ฉลาดเลือก ฉลาดบริโภค สมกับคำว่า สุขภาพดี อยู่ร้อยปี ชีวีเป็นสุข ก็ขอขอบพระคุณท่านที่ให้การสนับสนุนผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีเนื้อสัตว์ และสารเคมี ด้วย
Kuu Ne คูเน่ ... โภชนาการคุณค่า เพื่อชีวิตที่ยืนยาว 

ส่วนหนึ่งของแบบอย่างอาหารมังสวิรัติ เลือกหารับประทานกันนะ




 อิ่มกาย อิ่มใจ อิ่มบุญไปตามๆกัน 

ที่มา ... สำนักปู่สวรรค์ ถ.เพชรเกษม 65  บางแค

Tuesday, April 2, 2013

Kuu Ne คูเน่ Low Sodium มีจำหน่ายแล้วที่ Central food hall, Tops market, Tops supper เลือกคุณค่าใกล้ๆคุณ


สถานที่จำหน่ายสินค้า

Kuu Ne คูเน่  ซองขาว โซเดียมต่ำ หาซื้อได้ที่ Tops Market , Supper และ Central Food Hall ทุกสาขา
Kuu Ne คูเน่  ซองแดง  หาซื้อได้ที่ Golden Place, Lemon Farm,  ร้านสหกรณ์กรุงเทพ จำกัด ทุกสาขาชมรมมังสวิรัติ แห่งประเทศไทย สาขาจตุจักร, รอบๆพลังบุญ บางกะปิ - ร้านทิพย์อาหารเจ ร้านสมหวังในบุญ 
และร้านพิมพ์บุญ,  ม.เกษตรศาสตร์  บางเขน – สถาบันอาหาร  และFarmer Shop, เสถียรธรรมสถาน,  
เอเดนช๊อปร้านโป๊ะผักร้านดีเฮลท์ ร้านค้าสวัสดิการ รพ.นพรัตน์ราชธานีรพ.มิชชั่น,  
บ้านสวนไผ่  (A.J. Healthy Foods)  พหลโยธินร้านสุวรรณภูมิเพื่อสุขภาพและความงาม ตรงข้ามรพ.เปาโล 
สะพานควายร้านค้าสวัสดิการกองทัพอากาศ ดอนเมืองร้านเชซู (ป้าสุ) ตลาดบองมาร์เช่
 ร้านอาหารแมรี่โรส ไทย สมุทรสาคร ถ.พระราม 2 กม. 74.5
 

สนใจสินค้า บริโภคเอง หรือ จัดจำหน่าย
ติดต่อ บริษัท ปกธนพัฒน์ จำกัด
โทร. 0 2956 6118โทรสาร  0 2956 6117
มือถือ  086-791 7007  คมชาญ

Saturday, March 23, 2013

CNN จัดอันดับ 50 จานอร่อย อาหารไทยติดโผ 7 อันดับ



Kuu Ne คูเน่ ไม่ถึงกับอร่อยเลิศตามแบบปรุงแต่งสารเคมีที่กินกัน
 แต่ Kuu Ne คูเน่ อร่อยล้ำด้วยคุณค่าแบบที่เรียกว่า อร่อยอริยะ ... คุณรู้ 
คุณลิ้ม สัมผัสคุณค่าด้วยตัวคุณ ครอบครัวคุณ คนที่คุณดูแลและห่วงใย ด้วย
ทำจากหอมหัวใหญ่ปราศจากผงชูรส สารเคมีปรุงแต่งกลิ่น สี รส และ เนื้อสัตว์
 Kuu Ne คูเน่ ... โภชนาการคุณค่า เพื่อชีวิตที่ยืนยาว
สนใจติดต่อ คมชาญ 086-791 7007  
www.ptpfoods.com, www.facebook.com/kuunepage



ขอขอบคุณภาพประกอบจาก 3.bp.blogspot.com

        เมื่อวันที่ 7 กันยายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ CNN Go เปิดเผยอันดับ 50 สุดยอดอาหารที่มีรสชาติอร่อยที่สุดในโลกประจำเดือนกันยายน จากการโหวตของประชาชนทั่วโลก ปรากฎออกมาว่า อาหารที่ได้รับการยอมรับว่าอร่อยที่สุดในโลก คืออาหารจาก อินโดนีเซีย ที่เรียกว่า เร็นดัง และ นาซิโกเร็ง ตามมาด้วยซูชิของญี่ปุ่นเป็นอันดับที่ 3 ส่วนต้มยำกุ้ง อาหารชื่อดังของไทยนั้นตามมาติด ๆ เป็นอันดับที่ 4 ขณะอาหารไทยที่ติดโผ 1 ใน 10 มีถึง 4 เมนู จากรายชื่อท็อปเทนอาหารที่อร่อยที่สุดในโลกดังต่อไปนี้


1. เร็นดัง  (อินโดนีเซีย)



2. นาซิโกเร็ง  (อินโดนีเซีย)



3. ซูชิ  (ญี่ปุ่น)




4. ต้มยำกุ้ง  (ไทย)




5. ผัดไทย  (ไทย)




6. ส้มตำ  (ไทย)




7. ติ่มซำ  (ฮ่องกง)




8. ราเม็ง  (ญี่ปุ่น)



9. เป็ดปักกิ่ง  (จีน)



10. แกงมัสมั่น  (ไทย)

          นอกจากนี้ ยังมีอาหารไทยที่ติด 1 ใน 50 อันดับอีก 3 เมนู ได้แก่ อันดับที่ 19 แกงเขียวหวาน, อันดับที่ 24 ข้าวผัด, และอันดับที่ 36 น้ำตกหมู ส่วนอันดับอาหารชื่อดังของโลกที่น่าสนใจ ได้แก่ อันดับที่ 12 กิมจิ (เกาหลี), อันดับที่ 25 ช็อกโกแลต (เม็กซิโก), อันดับที่ 30 ชีสเบอร์เกอร์ (สหรัฐฯ), อันดับที่ 35 พิซซา (อิตาลี), อันดับที่ 42 แฮมเบอร์เกอร์ (เยอรมนี) 

          ทั้งนี้ ผลการจัดอันดับดังกล่าวได้มาจากการเปิดโหวตของ CNN Go บนเฟซบุ๊ก ซึ่งมีผู้ร่วมโหวตกว่า 35,000 คนทั่วโลก http://women.kapook.com/view31480.html


Friday, March 22, 2013

“Eat Right for Your Blood Type”


เลือดกลุ่มอะไรควรออกกำลังกายและทานอาหารอย่างไร? หนังสือ “Eat Right for Your Blood Type” มีคำตอบ


นักวิจัยในสหรัฐผู้หนึ่งได้จัดทำหนังสือชื่อ “Eat Right for Your Blood Type” ซึ่งระบุถึงกลุ่มเลือด 4 กลุ่มของมนุษย์คือ A B AB และ O ซึ่งส่งผลต่อการออกกำลังกายและอาหารที่รับประทานในลักษณะที่แตกต่างกันไป
 
ดร. James D’Adamo ผู้เขียนหนังสือ “Eat Right for Your Blood Type” บอกว่ากลุ่มเลือดแต่ละกลุ่มนั้นมีลักษณะแอนติเจน หรือสารสร้างภูมิต้านทานในร่างกายแตกต่างกันไป รวมทั้งรูปแบบของระบบย่อยอาหารและ ลักษณะทางพันธุกรรมต่างๆ ดังนั้น อาหารที่รับประทานและการออกกำลังกายจึงให้ผลที่แตกต่างกันสำหรับกลุ่มเลือดแต่ละกลุ่มด้วย
 
เลือดกลุ่ม O - เป็นกลุ่มที่มีมากที่สุด หนังสือเล่มนี้บอกว่า O มาจาก “Old” คือเป็นสายเลือดเก่าแก่กลุ่มแรกของโลก เริ่มต้นตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์ ลักษณะเลือดของกลุ่ม O จึงแข็งแรงและต้องการการออกกำลังกายเป็นประจำเพื่อขับเหงื่อ ลดความเครียด ความกลัวและความกังวล หนังสือเล่มนี้บอกว่าคนเลือดกลุ่ม O ยิ่งออกกำลังกายมากเท่าไรก็จะยิ่งรู้สึกผ่อนคลาย และยังเผาผลาญไขมันได้รวดเร็วกว่าเลือดกลุ่มอื่นๆ ส่วนอาหารที่เหมาะสมกับคนเลือดกลุ่ม O คืออาหารประเภทเนื้อไม่มีมัน สัตว์ปีกและปลา เพราะระบบย่อยอาหารได้ผ่านวิวัฒนาการมาเป็นเวลานานจนมีความแข็งแรงกว่าเลือดกลุ่มอื่นๆ
 
เลือดกลุ่ม A - ดร. James D’Adamo บอกว่ามาจาก “Agrarian” หรือเกษตรกรรม ซึ่งเป็นกลุ่มเลือดที่เริ่มพัฒนาขึ้นในช่วงที่มนุษย์เริ่มรู้จักทำการเกษตร หมายความว่าคนเลือดกลุ่มนี้จะเหมาะกับอาหารประเภทผัก ผลไม้ เมล็ดธัญพืช มากว่าเนื้อสัตว์ ส่วนการออกกำลังกายที่เหมาะสมนั้นคือการออกกำลังเบาๆ เน้นที่การผ่อนคลาย เช่นการทำโยคะหรือรำมวยจีน เพราะหากออกกำลังกายหนักเกินไป คนเลือดกลุ่ม A มักจะเกิดอาการกล้ามเนื้อตึงหรือเจ็บได้ง่ายกว่า
 
เลือดกลุ่ม B - หนังสือ “Eat Right for Your Blood Type” ชี้ว่า B มาจาก “Balance” หรือความสมดุล ซึ่งเป็นกลุ่มเลือดที่เชื่อว่าเกิดขึ้นในช่วงที่มนุษย์เร่ร่อนพเนจรไปตั้งถิ่นฐานตามที่ต่างๆ ระบบย่อยอาหารของเลือดกลุ่ม B จึงค่อนข้างอดทนกว่ากลุ่ม A อาหารที่เหมาะสมคือจำพวกผลิตภัณฑ์จากเนื้อ นมและไข่ ที่ให้พลังงานสูง แต่ไม่เหมาะกับอาหารประเภทข้าวสาลีหรือข้าวโพด การออกกำลังกายที่เหมาะสมสำหรับคนกลุ่มเลือด B ควรเน้นความสมดุล คือทั้งทำโยคะ ออกกำลังแบบ แอโรบิคเพื่อกระตุ้นหัวใจ และการยกน้ำหนักเพื่อพัฒนากล้ามเนื้อไปพร้อมๆกัน
 
เลือดกลุ่ม AB - เป็นกลุ่มเลือดที่ค่อนข้างใหม่เมื่อเทียบกับกลุ่มอื่น และมีจำนวนน้อยที่สุด คนกลุ่มเลือด AB มีระบบย่อยอาหารที่ค่อนข้างอ่อนแอ ดังนั้นจึงควรเลี่ยงอาหารหนักๆอย่างเนื้อสัตว์ แต่ควรทานอาหารทะเล เต้าหู้ หรือผลิตภัณฑ์จากนม ส่วนการออกกำลังกายก็ควรให้พอดี ไม่หนักเกินไป
 
แต่นักวิทยาศาสตร์และนักวิจารณ์บางคนไม่เห็นด้วยกับหนังสือและงานวิจัยของ ดร. James D’Adamo เพราะมองว่ายังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มารองรับ และแม้จะมีการศึกษาเรื่องนี้มานานแล้วแต่ก็ยังไม่ได้ข้อสรุปที่แน่นอน

ที่มา :  http://www.voathai.com/content/eat-right-four-blood-type-ss/1626418.html


Thursday, March 21, 2013

บ่มเพาะและเก็บเกี่ยวความสุขดีๆ



Don't expect too much from your children. Caring children, though caring you would be too busy with their jobs and commitments to render any help.Uncaring children may fight over your assets even when you are still alive, and wish for your early demise so they can inherit your properties.Your children take for granted that they are rightful heirs to your wealth; but you have no claims to their money. 
อย่าคาดหวังอะไรมากจากเด็กๆ ต่อให้คุณชุบเลี้ยงใครไว้ดูแลคุณยามแก่เฒ่า เขาก็ต้องวุ่นวายกับการงานและภาระผูกพันต่างๆ เกินกว่าจะมีเวลามาช่วยเหลือดูแลอะไรคุณได้มากนัก   ส่วนลูกจริงๆนั้นก็อาจจะกำลังทะเลาะกันเพื่อแย่งทรัพย์สมบัติของคุณอยู่ทั้งๆที่คุณยังมีชีวิตอยู่ก็ได้   และอาจจะแค่แอบภาวนาให้คุณรีบจากไปเสียเร็วๆ   อย่างนี้ก็มีให้เห็นอยู่ถมไป    คุณไม่รู้หรอกหรือว่า..บรรดาลูกๆเขาถือว่าทรัพย์สมบัติของคุณเป็นสิทธิขาดของเขาไปแล้ว   คุณจึงไม่มีสิทธิ์จะไปกำหนดอะไรได้เลยในเงินที่เป็นของเขา...เข้าใจไหม 
  
60-year olds like you, don't trade in your health for wealth anymore, because your money may not be able to buy your health. Can you tell when to stop making money, and how much you think is enough (hundred, thousands, million, ten million)? 
คนอายุเกิน ๖๐ อย่างคุณต้องเลิกเอาสุขภาพไปแลกกับความร่ำรวยได้แล้วมีเงินเท่าไรก็ซื้อสุขภาพคืนมาไม่ได้   คุณตอบได้ไหมว่าจะหยุดหาเงินเมื่อใด ..   เท่าไหร่คุณถึงจะบอกว่าพอแล้ว ..ร้อย พัน หมื่น ล้าน สิบล้าน..พอรึยังไม่ทราบ 
  
Out of thousand hectares of good farm land, you can only consume three quarts (of rice) daily; out of a thousand mansions, you only need eight square meters of space to rest at night.  So as long as you have enough food and enough money to spend, that is good enough. 
ต่อให้คุณมีไร่นานับพันไร่ คุณก็กินข้าวได้แค่วันละสามจาน   แม้นจะมีคฤหาสน์นับพันหลัง  คุณก็ต้องการพื้นที่หลับนอนยามค่ำคืนเพียงแปดตารางเมตร   ดังนั้น..ตราบใดที่คุณยังมีข้าวปลาอาหารกินอย่างเพียงพอ   มีเงินพอใช้สอยได้ทุกวัน   เพียงเท่านี้ก็ดีเหลือหลายแล้ว 
  
So you should live happily. Every family has its own problems. Just do not compare with others for fame and social status or see whose children are doing better, etc. You challenge others for happiness, health and longevity. Don't worry about things that you can't change because it doesn't help and it may spoil your health. 
อายุเท่านี้แล้ว คุณควรอยู่อย่างเป็นสุข   ทุกบ้านต่างก็มีปัญหาของตนเอง อย่ามัวไปคิดเปรียบเทียบ แก่งแย่งแข่งดีกัน ไม่ว่าชื่อเสียง ฐานะในสังคม หรือความก้าวหน้าของเด็กๆ ฯลฯ     สิ่งที่ควรจะแข่งกันจริงๆนั้น คือแข่งกันมีความสุขมีสุขภาพดี และอายุยืนนาน   ส่วนอะไรที่เราเปลี่ยนมันไม่ได้ ก็อย่าไปฝังอกฝังใจให้ป่วยการและทำลายสุขภาพตัวเองเลย อายุป่านนี้แล้วก็ยังเปลี่ยนมันไม่ได้เลย 
  
You have to create your own well-being and find your own happiness.  As long as you are in good mood, think about happy things, do happy things daily and have fun in doing, then you will pass your time happily every day. 
หลัง ๖๐ แล้วอย่างนี้ คุณต้องค้นหาหนทางของคุณเองที่จะสร้างชีวิตที่เป็นอยู่ดีๆ และสุขสดใสขึ้นมาให้ได้   ตราบใดที่มันทำให้คุณอารมณ์ดี คิดถึงแต่สิ่งที่ทำให้เป็นสุข ทำอะไรก็สุขสนุกกับมันอยู่ทุกวัน นั่นก็หมายความว่าคุณได้ผ่านวันเวลาอย่างเป็นสุขแล้ว 

  
One day passes, you will lose one day; One day passes with happiness, then you gain one day. In good spirit, sickness will cure.  In happy spirit, sickness will cure fast; and in good and happy spirit, sickness will never come. 
ทุกวันวารที่ผ่านไป คุณจะสูญเสียไป ๑ วัน  แต่ถ้ามันผ่านไปอย่างเป็นสุข วันนั้นคือกำไรชัดๆเลย   จิตใจที่ดี จะช่วยรักษาโรคภัยได้   ถ้าจิตใจเป็นสุขโรคก็จะหายเร็วขึ้น แต่ถ้าจิตใจทั้งดีทั้งเป็นสุขด้วยแล้วล่ะก็   ความเจ็บป่วยจะไม่มีทางมาแผ้วพานได้ 
  
With good mood, sufficient amount of exercise, always in the sun, variety of food, reasonable amount of vitamin and mineral intake, hopefully you will live another 20 or 30 years of healthy life. 
ด้วยอารมณ์ที่ดีแจ่มใสอยู่เป็นนิจ   ออกกำลังกายให้เพียงพอ   อยู่กลางแจ้งบ่อยๆ กินอาหารให้ครบหมู่ ได้วิตามินและแร่ธาตุอย่างเพียงพอ  เพียงเท่านี้ก็เชื่อได้แน่นอนว่า ชีวิตที่เป็นสุข อีก ๒๐ หรือ ๓๐ปี จะเป็นของคุณแน่นอน 
  
Above all learn to cherish the goodness around and FRIENDS…… they all make you feel "young and wanted"…without them you are sure to feel lost!! 
เหนือสิ่งอื่นใด...คุณต้องรู้จักบ่มเพาะและเก็บเกี่ยวความสุขดีๆจากการได้อยู่ได้เที่ยว ได้คุยกับเพื่อนๆ   เพราะเขาเหล่านี้จะช่วยให้คุณรู้สึกเยาว์วัยและมีความหมายอยู่เสมอขาดพวกเขาเมื่อใด..คุณจะต้องรู้สึกสูญเสียอย่างแน่นอน

""""""""""""""

Tuesday, March 12, 2013

สารเคมีหลายชนิดมีผลกระทบต่อระบบต่อมฮอร์โมน


สารเคมีหลายชนิดมีผลกระทบต่อระบบต่อมฮอร์โมนในร่างกายและอาจมีผลเสียรุนแรงต่อสุขภาพได้

    สุขภาพของคนเราขึ้นอยู่กับการทำงานอย่างเป็นปกติของระบบต่อม ที่ทำหน้าที่ควบคุมการปล่อยฮอร์โมนบางชนิดที่มีความสำคัญต่อการทำงานบางอย่างของร่างกาย อาทิ ควบคุมระบบเผาผลาญอาหาร การเจริญเติบโตและพัฒนาการ การนอนหลับและอารมณ์
     
    สารเคมีบางชนิดที่เรียกว่า endocrine disrupters สามารถไปรบกวนการทำงานของระบบผลิตฮอร์โมนจนอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อความผิดปกติทางสุขภาพได้

    ด็อกเตอร์มาเรีย เนียร่า ผู้อำนวยการฝ่ายสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมแห่งองค์การอนามัยโลกกล่าวว่ามีหลักฐานเพิ่มมากขึ้นที่ยืนยันว่าโรคที่เกิดจากความผิดปกติในระบบผลิตฮอร์โมนกำลังเพิ่มมากขึ้น

    สารเคมีที่ส่งผลต่อการทำงานของระบบฮอร์โมนพบได้ในผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในครัวเรือนและในภาคอุตสาหกรรม สารเคมีเหล่านี้เจือปนในสิ่งเเวดล้อมผ่านการปล่อยของเสียจากภาคอุตสาหกรรม จากชุมชนเมือง จากภาคการเกษตร และการเผาขยะหรือทิ้งของเสีย

    การได้รับสารเคมีเหล่านี้เข้าไปในร่างกายอาจส่งผลให้ผู้ชายวัยหนุ่มเกิดปัญหาเชื้ออสุจิอ่อนแอและเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเต้านมในผู้หญิง ด็อกเตอร์เนียร่ากล่าวว่าผู้ชายที่สัมผัสกับยาฆ่าแมลงมีความเสี่ยงมากขึ้นต่อการเกิดมะเร็งในต่อมลูกหมาก

    ด็อกเตอร์เนียร่าแห่งองค์การอนามัยโลกกล่าวว่ายังพบว่าสารเคมีที่รบกวนระบบผลิตฮอร์โมนยังส่งผลเสียต่อพัฒนาการทางระบบประสาทส่วนกลางในเด็ก รวมถึงผลเสียต่อพัฒนาการของสมองและยังพบด้วยว่าสารเคมีทำให้เกิดความเสี่ยงสูงในการเกิดมะเร็งในต่อมไทรอยด์ในกลุ่มคนงานที่ใช้ยาฆ่าแมลง

    รายงานชิ้นนี้ยังเน้นความกังวลต่อผลเสียของสารเคมีที่รบกวนต่อระบบฮอร์โมนต่อสัตว์ป่าด้วย โดยยกตัวอย่างว่าการปนเปื้อนของสารเคมีเหล่านี้ในสิ่งแวดล้อมในรัฐอาลัสก้า สหรัฐอเมริกา มีผลให้กวางมีความผิดปกติในระบบเจริญพันธุ์ เป็นหมันและทำให้เขากวางพัฒนาผิดรูปร่าง

    รายงานนี้เปิดเผยด้วยว่าสารเคมีจำพวกยาฆ่าแมลงดีดีที สารจำพวกพีซีบี และสารปรอทที่ปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อมน่าจะเป็นสาเหตุส่วนหนึ่งที่ทำให้จำนวนประชากรนากทะเล กับสิงโตทะเลลดลง

    ผลการศึกษาของโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาิติและองค์การอนามัยโลกออกข้อแนะนำหลายประการเกี่ยวกับสารเคมีเหล่านี้ ข้อแนะนำอย่างหนึ่งคือการจัดหาวิธีทดสอบที่ครอบคลุมเพื่อระบุว่าสารเคมีชนิดใดบ้างที่มีผลกระทบต่อระบบฮอร์โมน เพื่อระบุแหล่งที่มาและการรับเข้าสู่ร่างกาย

    ที่มา :  http://www.voathai.com/content/unep-who-chemical-exposure-tk/1619021.html

    Twitter Delicious Facebook Digg Stumbleupon Favorites More